
ผู้ลี้ภัยสงครามกว่า 10,000 คนในเขตตะนาวศรียังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ แม้รัฐบาลทหารอ้างว่าได้แจกจ่ายแล้ว
รัฐบาลทหารเมียนมาร์อ้างว่าได้ให้เงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามกว่า 10,000 คน จาก 7 อำเภอในเขตตะนาวศรี อย่างไรก็ตาม ผู้ลี้ภัยและองค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยหลายแห่งระบุว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว
รัฐบาลทหารแถลงเมื่อสัปดาห์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ว่า ได้ให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้พลัดถิ่น 11,043 คน คนละ 20,000 จ๊าต
ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยในกลุ่มหมู่บ้านเซะนขุน ในอำเภอตะนาวศรี ระบุว่าเขายังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทหาร “พวกเราไม่ได้รับอะไรเลย ทางฝั่งเรายังไม่มีการแจกจ่ายเงินช่วยเหลือหรือสิ่งใดจากรัฐบาลทหาร ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ไม่มีเลย ถ้าให้จริงเราก็คงจะรับอยู่แล้ว เพราะผู้ลี้ภัยต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าและพื้นที่สวน ทำให้ความเป็นอยู่ลำบาก” เขากล่าว
รัฐบาลทหารระบุว่า ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือกว่า 220 ล้านจ๊าต ให้ผู้ลี้ภัยในเขตต่างๆ ได้แก่ 6,355 คนในเขตทวาย 4,289 คนในเขตมะริด 365 คนในเขตเกาะสอง และ 34 คนในเขตบกบิ่น นอกจากนี้ รัฐบาลทหารยังกล่าวว่าจะให้เงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในเขตตะนาวศรีต่อไปจนถึงเดือนมกราคม 2026 ในอัตรา 20,000 จ๊าตต่อเดือน
ขณะเดียวกัน สมาชิกขององค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเปิดเผยว่า ผู้ลี้ภัยในพื้นที่ต่อสู้ เช่น เขตเทาเปียวในเขตทวาย ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว
“เราไม่รู้ว่าเงินช่วยเหลือไปถึงผู้ลี้ภัยที่ไหนกันแน่ นี่เป็นเพียงการสร้างภาพของรัฐบาลทหาร เราไม่เห็นว่านี่เป็นความช่วยเหลือที่แท้จริง แต่เป็นเพียงแค่การกระทำเพื่อหวังผลบางอย่าง” หนึ่งในสมาชิกองค์กรกล่าว เจ้าหน้าที่จากองค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัย “นเวอูเมตตา” ซึ่งทำงานในอำเภอตะนาวศรี เขตมะริด ก็ยืนยันว่า ผู้ลี้ภัยที่พวกเขาดูแลไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทหาร
องค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเชื่อว่า รัฐบาลทหารกำลังใช้โครงการแจกจ่ายเงินช่วยเหลือนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงตามรายงานของกลุ่มวิจัย FE5 Tanintharyi พบว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยสงครามในเขตตะนาวศรีมากกว่า 77,200 คน
อ้างอิง: Myanmar Peace Monitor

กองทัพอากาศพม่าโจมตีทางอากาศใน Magway คร่าชีวิตพลเรือนอย่างน้อย 11 ราย
กองทัพอากาศพม่าทิ้งระเบิดโจมตี 10 หมู่บ้านในเขต Myaing และ Pauk ภายในภูมิภาค Magway เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งสองเมืองตั้งอยู่ห่างจากเมือง Magway ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคไปทางเหนือประมาณ 209-218 กิโลเมตร
“เครื่องบินรบ 5 ลำทิ้งระเบิดโจมตีหมู่บ้านทางตะวันออกของ Myaing โดยไม่มีเหตุผล ไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นในพื้นที่นี้เลย” ชาวบ้านใน Myaing รายหนึ่งให้ข้อมูลกับ DVB โดยขอไม่เปิดเผยตัวตน ทั้งนี้ พื้นที่บางส่วนของ Myaing อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มต่อต้านตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
ขณะที่ชาวบ้านใน Pauk ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีก 6 รายจากการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม เคยเกิดการปะทะระหว่างกองทัพรัฐบาลทหารกับกลุ่มต่อต้านใน Pauk แต่ชาวบ้านยืนยันว่า หลังจากนั้นไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นอีก
จากความหวาดกลัวต่อการโจมตีทางอากาศ ประชาชนจำนวนมากจาก 10 หมู่บ้านใน Pauk และ Myaing ได้อพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ รัฐบาลทหารเมียนมาร์อ้างว่าได้ให้เงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามกว่า 10,000 คน จาก 7 อำเภอในเขตตะนาวศรี อย่างไรก็ตาม ผู้ลี้ภัยและองค์กรช่วยเหลือผู้ลี้ภัยหลายแห่งระบุว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว
อ้างอิง: DVB English

เหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์-หลอกลวงทางไซเบอร์กว่า 7,000 รายติดค้างในรัฐกะเหรี่ยง หลังได้รับการช่วยเหลือ
กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ ระบุว่าการตัดไฟฟ้าจากไทยไปยังเมือง Myawaddy รัฐกะเหรี่ยง ส่งผลให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยตามแนวชายแดนไทย-พม่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากต้องพึ่งพาไทยในการดำรงชีวิตด้านเศรษฐกิจและสังคม
“มาตรการตัดไฟฟ้า การจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าจำเป็นอย่างไม่เป็นธรรมและไร้มนุษยธรรม ได้ส่งผลกระทบอย่างไม่สมส่วนต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น และเพิ่มความเปราะบางให้กับพวกเขา” BGF ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม
เมือง Myawaddy ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง Hpa-An ประมาณ 225 กิโลเมตร ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย แถลงการณ์ของ BGF มีขึ้นหลังจากชาวต่างชาติจาก 29 ประเทศกว่า 7,000 คน ถูกช่วยเหลือออกจากศูนย์หลอกลวงไซเบอร์ แต่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานที่ซึ่ง BGF ดูแลใน Myawaddy ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์
“การตัดไฟฟ้า ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง และการสื่อสารที่ถูกตัดขาดจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้ขัดขวางความพยายามในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวต่างชาติเหล่านี้” BGF ระบุเพิ่มเติมในแถลงการณ์ “เราจัดหาอาหารสามมื้อต่อวัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงชุดอนามัยสำหรับผู้หญิง” Naing Maung Zaw โฆษก BGF กล่าวกับ DVB
ไทยตัดไฟฟ้าและน้ำมันไปยัง Myawaddy และ Payathonzu ในรัฐกะเหรี่ยง รวมถึงเมือง Tachilek ในรัฐฉาน ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ โดย Payathonzu อยู่ห่างจาก Myawaddy ไปทางใต้ราว 214 กิโลเมตร และ Tachilek อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 571 กิโลเมตร
ชาวต่างชาติที่ได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์หลอกลวงไซเบอร์ใน Myawaddy มี 4,860 รายจากจีน, 572 รายจากเวียดนาม, 526 รายจากอินเดีย และอีกกว่า 500 รายจากหลายประเทศในแอฟริกา BGF เรียกร้องให้สถานทูตของแต่ละประเทศเร่งดำเนินการส่งตัวพวกเขากลับประเทศโดยเร็ว
“ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ยิ่งถามว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านเมื่อไร” Naing Maung Zaw กล่าว
จีนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเดินหน้ามาตรการตัดสาธารณูปโภคในศูนย์หลอกลวงไซเบอร์ของพม่า โดยระบุว่ามาตรการนี้ “ได้ผลจริง และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ” รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหาร และ Zin Mar Aung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ NUG กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารใน Naypyidaw และเครือข่ายของตนมีส่วนสนับสนุนศูนย์หลอกลวงไซเบอร์ตามแนวชายแดนไทย-พม่าเพื่อมุ่งเป้าไปยังชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม กองทัพพม่า, BGF ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลทหาร และกองทัพกะเหรี่ยง DKBA ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ที่นำคนเข้าสู่ศูนย์หลอกลวงไซเบอร์ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของ BGF และ DKBA ใน Myawaddy DKBA ส่งตัวชาวต่างชาติ 261 รายจาก 19 ประเทศ ซึ่งคาดว่าเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ให้กับกองทัพไทยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์
สื่อของรัฐบาลทหารรายงานว่า ชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 3,474 ราย ถูกควบคุมตัว โดย 757 รายถูกส่งกลับประเทศผ่านทางไทย ส่วนอีก 2,717 ราย ยังคงถูกควบคุมตัวโดยรัฐบาลทหารตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม
อ้างอิง: DVB English

AAPP เผย นักโทษการเมืองในเรือนจำเมียนมาร์ถูกจำกัดสิทธิ์และเผชิญการละเมิด
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 มีนาคมว่า นักโทษการเมืองในเรือนจำทั่วเมียนมาร์ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการรับส่งสิ่งของจากครอบครัว ถูกตัดสิทธิ์การเยี่ยม และไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา AAPP รายงานว่า มีนักโทษการเมืองอย่างน้อย 3 คนเสียชีวิตในเรือนจำและสถานีตำรวจ หลังจากถูกกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุม โดยทั้งหมดไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม ที่เรือนจำ Insein ใน Yangon นักโทษการเมือง ได้แก่ ช่างภาพข่าว Sai Zaw Thaike, แกนนำแรงงาน Thet Hnin Aung และ Naing Win ได้กล่าวถึงการละเมิดสิทธิ์ของผู้ต้องขังต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลทหารที่เข้าไปตรวจสอบภายในเรือนจำ
หลังจากให้ข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำตัวนักโทษทั้งสามไปสอบสวนโดยหน่วยข่าวกรองภายในเรือนจำ และพวกเขาถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึงถูกลงโทษขังเดี่ยว AAPP ระบุ ที่เรือนจำ Kyaikmaraw ในรัฐมอญ มีรายงานว่าทางการจำกัดการส่งสิ่งของจากครอบครัวนักโทษ รวมถึงหนังสือและอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ โดยไม่มีการแจ้งเหตุผลที่ชัดเจน
ขณะที่เรือนจำ Thayarwaddy มีกรณีที่เจ้าหน้าที่รับมอบยาและสิ่งของจากครอบครัว แต่ไม่ส่งต่อให้นักโทษ โดยสมาชิกครอบครัวของนักโทษรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ RFA ว่า “เมื่อเราส่งยาไป เจ้าหน้าที่รับของไว้แต่ไม่ส่งต่อให้พวกเขาเลย ส่วนพื้นที่ขังเดี่ยวนั้นก็แย่มาก อาคารทรุดโทรม ช่วงหน้าฝนหลังคารั่ว ช่วงหน้าร้อนมีเศษหลังคาหล่นลงมาเหมือนฝุ่นทราย เราร้องเรียนไปแต่ไม่มีใครแก้ไข บางคนถูกขังเดี่ยวมานานหลายปีแล้ว พวกเขาประสบปัญหาทั้งเรื่องอาหารและการนอนพักผ่อน ซึ่งกระทบต่อสุขภาพอย่างหนัก”
RFA พยายามติดต่อโฆษกของกรมราชทัณฑ์ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลทหารเมียนมาร์เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
จากข้อมูลของ AAPP ณ วันที่ 3 มีนาคม นักโทษการเมืองที่ถูกจับกุมทั่วประเทศมีจำนวนมากกว่า 21,965 คน โดยในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 10,488 คน ที่ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกแล้ว
อ้างอิง: Radio Free Asia

กองทัพเมียนมาร์ทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ถล่มหมู่บ้านในรัฐกะเหรี่ยง บาดเจ็บทั้งเด็กและผู้ใหญ่
กองทัพเมียนมาร์เปิดฉากโจมตีทางอากาศและใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มหมู่บ้าน Inn Net เขต Kyaukkyi รัฐกะเหรี่ยงติดต่อกันเป็นเวลา 2 วัน ส่งผลให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นผู้ชาย 1 คน และเด็กอายุราว 3 ขวบ 1 คน ตามรายงานจากชาวบ้านในพื้นที่
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 มีนาคม กองทัพเมียนมาร์ยิงปืนใหญ่ 2 ลูกตกลงในหมู่บ้าน Inn Net จากนั้นในช่วงค่ำได้ใช้โดรนโจมตีแบบ Y8 ยิงถล่มซ้ำ ลูกระเบิดตกลงหน้าบ้านของชาวบ้าน ทำให้ชายวัยกลางคนและเด็กเล็กได้รับบาดเจ็บ โดยชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า
“ชายที่ได้รับบาดเจ็บคือ U Thaung Myint และหลานชายของเขา เด็กถูกกระสุนโดนที่ขา อาการค่อนข้างสาหัส ตอนนี้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว แพทย์ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องตัดขาหรือไม่”
ต่อมาในคืนวันที่ 3 มีนาคม กองทัพเมียนมาร์ยังคงยิงปืนใหญ่มาจากฐานปืนใหญ่ Sin Ma Taung และฐานทหาร Nat Than Kwin เข้าใส่หมู่บ้าน Inn Net อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าว่า
“เมื่อคืน (3 มีนาคม) เวลาประมาณ 20.00 น. มีการยิงปืนใหญ่ 3 ลูกเข้าใส่หมู่บ้าน Inn Net และในเวลาประมาณ 22.00 น. อีก 1 ลูก หมู่บ้านรอบ ๆ ก็โดนด้วย กระสุนถูกยิงมาจาก Kyaukkyi และ Nat Than Kwin เช้านี้ยังเงียบอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
ไม่เพียงแค่หมู่บ้าน Inn Net เท่านั้น แต่หมู่บ้านใกล้เคียง เช่น Nyawe Pin และ Kyauk Kone ก็ถูกโจมตีจากปืนใหญ่ของกองทัพ ส่งผลให้บ้านเรือน สัตว์เลี้ยง และสถานที่ทางศาสนาได้รับความเสียหาย ตามรายงานจากแหล่งข่าวใน Kyaukkyi
แม้ว่ากองทัพเมียนมาร์จะเปิดฉากโจมตีพลเรือนอย่างหนัก แต่แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า ในช่วงที่เกิดการโจมตีระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม ไม่มีการปะทะระหว่างกองทัพเมียนมาร์กับกองกำลังติดอาวุธของ KNU ในเขต Kyaukkyi
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม กองทัพเมียนมาร์ยังได้ใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีพื้นที่ Mu Township ในเขต Nyaunglebin ส่งผลให้ผู้หญิงที่เป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDP) เสียชีวิต 1 ราย ตามแถลงการณ์ของ KNU – ส่วนกลาง
อ้างอิง: Myanmar Peace Monitor

กองทัพเมียนมาร์ทิ้งระเบิดชายแดนตาก ผู้หนีภัย 314 คน อพยพเข้าพื้นที่ปลอดภัย
The Reporters รายงานเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า มีผู้หนีภัยความไม่สงบจากเมียนมาร์จำนวน 314 คน อพยพเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก หลังจากกองทัพเมียนมาร์ทิ้งระเบิดบริเวณแนวชายแดน
จากข้อมูลของสถานีตำรวจภูธรท่าสองยางระบุว่า กลุ่มผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยงจากหมู่บ้านปูลูปลอ ประเทศเมียนมาร์ พวกเขาได้เข้าพักในพื้นที่ปลอดภัยที่โบสถ์คริสจักรเซนต์กาเบรียล บ้านหนองบัว ตำบลแม่อุสุ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และสาธารณสุข คอยดูแลและรักษาความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 05.00 น. กองทัพเมียนมาร์ได้ทิ้งระเบิด 2 ลูก บริเวณฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านหนองบัว ห่างจากแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ประมาณ 1 กิโลเมตร แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงเป็นปกติ
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ไทยยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบในเมียนมาร์
อ้างอิง: The Reporters