“พี่น้องเอ๋ย… แม้วันนี้เราจะไม่มีพ่อแม่พี่น้องคอยดูแล แต่อย่าปล่อยพื้นที่ว่างให้ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาในหัวใจ จงทำทุกอย่างเต็มความสามารถ… สักวันหนึ่งความสำเร็จจะเป็นของเรา”
เสียงเล็ก ๆ ของนอ พอกู้เซ เด็กนักเรียนหญิงวัย 19 ปี จากโรงเรียนในหมู่บ้านผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ “แอ้ตูท่า” ฝากให้กำลังใจกับใครอีกหลาย ๆ คน ที่กำลังท้อแท้ ถึงแม้ในวันนี้เธอจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นปีที่ 9 แต่จากประสบการณ์ชีวิตทำให้เธอเข้มแข็ง และมุ่งมั่นตั้งใจเรียนกว่าเด็กรุ่นราวเดียวกันมากนัก
นอ พอกู้เซ เกิดที่หมู่บ้านหม่าเปื่อยโค่ ในเขตการปกครองที่สอง ของกองกำลังเคเอ็นยู*** แต่ด้วยภูมิประเทศที่อยู่ลึกเข้าไปในเขตการปกครองของทหารพม่า คนปกาเกอะญอในหมู่บ้านนี้เป็นเสมือนชนกลุ่มน้อยที่อยู่ท่ามกลางคนพม่า บ่อยครั้งพวกเขาต้องถูกกดขี่ข่มเหงจากรัฐบาลทหารโดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรมจากใคร
บ่อยครั้งทหารพม่าเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้หมู่บ้าน เธอและครอบครัวต้องหนีเข้าป่า อาศัยนอนใต้ต้นไม้ อดมื้อกินมื้อ รอจนกว่าทหารกลับไป ทุกคนจึงกลับมาในหมู่บ้านได้อีกครั้ง แต่หากครั้งไหนที่ทหารมาตั้งกองกำลังอยู่นาน พวกเธอก็ต้องอยู่ในป่าไปเรื่อย ๆ อย่างยากลำบาก
ครั้งหนึ่งทหารเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้หมู่บ้าน พวกเขาเผาบ้านของนอ พอกู้เซ เธอและครอบครัวต้องหนีเข้าป่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พ่อแม่และพี่อีกสามคนต้องจากไปด้วยไข้ป่าโดยไม่มีหมอและยาที่จะรักษา นอ พอกู้เซในวัยเพียงสามปีถูกทิ้งให้เป็นลูกกำพร้า แต่เธอยังโชคดีที่ได้รับการดูแลจากพี่ ๆ ที่เหลืออีกห้าคน ถึงแม้จะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ทำนา และยังต้องหลบหนีภัยจากการสู้รบอยู่เนือง ๆ แต่พี่ ๆ ของเธอก็ยังมองเห็นความสำคัญของการศึกษา กัดฟันทำงานส่งเสียให้นอ พอกู้เซ ได้เข้าโรงเรียน
โรงเรียนของนอ พอกู้เซในหมู่บ้านหม่าเปื่อยโค่ เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ที่จัดการเรียนการสอนถึงระดับหก เด็ก ๆ ขาดแคลน อุปกรณ์การเรียน และมีครูไม่เพียงพอ ที่ร้ายกว่านั้นโรงเรียนยังต้องหยุดทำการเรียนการสอนบ่อยครั้งเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากกองทัพพม่า ดังนั้นวันหยุดสำหรับเธอจึงไม่ใช่วันแห่งความสุขเหมือนกับ เด็ก ๆ ในฝั่งประเทศไทย แต่คือวันที่เธอจะต้องวิ่ง จะต้องหนี จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง คอยเฝ้าระวังฟังข่าว และรอ… จนกว่าจะได้กลับไปเรียนต่ออีกครั้ง หรือไม่ก็ต้องอพยพหนีไปยังที่ที่ไกลออกไปอย่างไม่มีกำหนดกกลับมาเรียนใหม่
พฤษภาคม 2007 สิ่งที่นอ พอกู้เซ ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นก็เป็นความจริง เมื่อกองกำลังพม่าเข้ายึดหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านของเธอต่างหนีเอาชีวิตรอดไปคนละทิศละทาง เธอเองก็ต้องหนีตายตามพี่ชายและพี่สาวออกจากหมู่บ้านเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นพี่ชายและพี่สาวของเธอตัดสินใจส่งเธอไปยังแอ้ตูท่าเพื่อเรียนต่อ
“จริง ๆ แล้วฉันไม่ต้องการพลัดพรากจากครอบครัว แต่เพราะต้องมาศึกษาหาความรู้ ฉันจึงต้องก้มหน้าเดินตามคนอื่น ๆ มาอยู่ที่นี่”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็กหญิงอายุ 16 ปี ที่ต้องพรากจากพี่สาวและพี่ชาย ญาติไม่กี่คนที่เหลืออยู่ เดินทางออกมายังสถานที่ใหม่ที่ไม่มีคนรู้จัก แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีแต่โชคร้าย เมื่อมาถึงแอ้ตูท่า เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากหัวหน้าหมู่บ้าน เธอสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจไม่ต้องหวาดกลัวภัยจากสงคราม ที่นี่เธอยังได้เรียนหนังสืออย่างเต็มที่ จนความฝันเล็ก ๆ ของเธองอกงามขึ้นอีกครั้ง
“ฉันฝันว่า สักวันถ้าฉันเรียนจบชั้นมัธยมที่นี่แล้ว ฉันจะเรียนต่อด้านการแพทย์ พยาบาล หรืองานเกี่ยวกับยารักษาโรค เพื่อจะได้รักษาคนอื่น ๆ เพราะยังมีคนปกาเกอะญออีกเป็นจำนวนมากที่อยู่ในป่าเขา พวกเขายังต้องการความช่วยเหลือทางด้านนี้เหมือนอย่างที่ฉันเคยต้องการ”
หากเมื่อวานนี้ชีวิตของนอ พอกู้เซ ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมากมาย วันนี้ที่แอ้ตูท่าคือโอกาสครั้งใหญ่ของเธอ เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร ความฝันของเธอจะเป็นจริงไหม …เราได้แต่เฝ้าหวังว่าวันนี้ของเธอจะยังจะคงเป็นวันแห่งความสงบสุข จนกระทั่งความสำเร็จในวันพรุ่งนี้จะเดินทางมาถึง
โดย ซอ เอ็มจอย
เผยแพร่ครั้งแรก มิถุนายน 2553